สุคิริน ชื่อนี้ไม่เคยได้ยิน แต่เมื่อได้ปั่นมาถึง ทำเอานักปั่นเจ้าถิ่นนราธิวาสพากันอิจฉา เพราะคนในพื้นที่รู้จักแต่ยังไม่เคยมาสัมผัส
ยามเช้าที่เราตื่นนอนเห็นหมอกตั้งแต่นอนอยู่บนเตียง ที่นี่เป็นพระตำหนักอีกหลังของสมเด็จย่า สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี บรรยากาศที่นี่คล้ายดอยตุง อยู่บนเขาเห็นวิวเมืองจากมุมสูง อากาศเย็น และพัฒนาจากพื้นที่ไม่มีอะไรให้กลายเป็น นิคมสร้างตนเอง สุคิริน คำว่า “ สุคิริน ” เป็นนามพระตำหนักที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้พระราชทานเมื่อครั้งเสด็จประทับแรมในพื้นที่นี้ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๐ ซึ่งมีความหมายว่า “ พันธุ์ไม้อันเขียวชอุ่ม ” ซึ่งสอดคล้องกับสภาพภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยภูเขา ป่าไม้ และพืชพันธ์ไม้นานาชนิด
คนที่อยู่ที่นี่มีทั้งทั้งพุทธและมุสลิม ประเพณียิ่งใหญ่ที่น่าสนใจของชาวพุทธ ฟังแล้วก็แปลกใจ คือ บุญบั้งไฟ ที่นี่มีคนอีสานย้ายมาอยู่เยอะ นอกจากอาชีพเกษตรกรรมที่เหมือนกันทุกที่ ที่นี่ยังมีอาชีพพิเศษไม่เหมือนที่ไหน “ร่อนทอง” ในสายน้ำแห่งทองคำ เป็นกิจกรรมที่ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสและเข้าถึงวิถีชีวิตในสายน้ำ น้ำที่นี่ใสมาก ขยะสักชิ้นก็ไม่เห็น มีแค่สัตว์น้ำกับทองคำ
ได้ลองร่อนทองก็เข้าใจว่ากว่าจะได้ทอง 1 กรัม ต้องใช้เวลามากเพียงใด ใช้แรงมากขนาดไหน ปัจจุบันนี้ไม่สามารถใช้เครื่องยนต์ช่วยขุด อนุญาตให้แค่เสียมขุด ดินที่ขุดได้จะเอามาใส่ถาดไม้กลมๆ ร่อนเอาเศษดิน ก้อนหิน ก้อนกรวดออก จนเหลือแค่ทอง ที่แรกก็งงและสงสัยกลัวว่าร่อนๆอยู่ทองจะหลุดออกไปกับดินกรวดด้วย ความจริงแล้ว ทองมีน้ำหนักใน ตัวเอง ทองจะตกลงไปอยู่ข้างสุดติดขอบถาด น้ำเซาะซันก็ไม่ลอยไปไหน ทองที่นี่เป็นทองคำ 60% – 80% แค่ลงน้ำก็ไม่อดตายสำหรับคนที่นี่ ถึงจะขุดร่อนมากันยี่สิบสามสิบปีทุกวันนี้ก็ยังมีทอง
ความสนุกอีกอย่างที่ไม่ควรพลาด ล่องแก่งในสายน้ำทองคำ ให้เล่นจนเต็มอิ่ม พายกันเมื่อยแขนทีเดียว 3 ชม. 7 ชม. ไม่เคยเล่นล่องแก่งราคามิตรภาพกับระยะทางยาวแบบนี้มาก่อน มีจอดให้โดดลงเล่นน้ำ ไม่ได้โดดจากเรือแคนนูนะ แต่กระโดดจากต้นไม้ที่อยู่ริมแม่น้ำ มองจากข้างล่างดูไม่สูงมาก แต่กว่าจะปีนขึ้นไปยืนบนกิ่งและทำใจโดดลงมาได้ ขาสั่นดุ๊กดิ๊ก กองเชียร์ลุ้นอยู่นาน นับหนึ่งสองสามแล้วกั้นหายใจ ตัดใจปล่อยมือจากต้นไม้ ทิ้งตัวลงไปดำดิ่งสู่ใต้น้ำ ลึกมากจริงๆ รีบดีดตัวเองขึ้นมา ครั้งเดียวก็พอเป็นประสบการณ์แปลกใหม่สำหรับทริปนี้
เข้าไปลึกมากขึ้นอีกจะมีเหมืองทองที่โด่งดัง “เหมืองทองโต๊ะโม๊ะ” อุโมงค์เหมืองทองแห่งนี้ทะลุไปมาระหว่างไทยกับมาเลเซียได้ ระยะทาง 1 กม.และต้นกะพงยักษ์ อายุ 200++ ปี ขนาด 35 คนโอบ ยังไม่หมดแค่นี้ สุคิรินยังมีน้ำตกสิรินธร และที่อยากไปมาก ต้องกลับไปอีกครั้ง ป่าฮาลา–บาลา, เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฮาลา–บาลา เป็นป่าดงดิบชื้นที่อุดมสมบูรณ์มากที่สุดผืนหนึ่งบนคาบสมุทรมลายู น้องที่เจอกันที่เบตงเล่าว่าโรงเรียนเคยพาไปพักค่ายที่นี่ อากาศดีมาก สวยมาก น้ำใสมาก หนาวด้วย พี่ต้องหาโอกาสไปให้ได้นะ หนูยังติดใจอยากกลับไปอีกครั้งเลย