เว้ – ดานัง- ฮอยอัน ได้ยินจนคุ้นหู พร้อมภาพบรรยากาศริมน้ำที่เห็นเมืองเก่า สร้างความรู้สึกอยากไปสัมผัสมากๆ ดูแผนที่ก็รู้สึกว่าน่าจะปั่นได้สบายมาก แค่ 30-40 กม. จากเมืองถึงอีกเมืองเอง รวมสามเมืองไม่ถึงร้อยโล น่าสนใจมากๆ พอดูตั๋วเครื่องบินก็ไม่แพงด้วยสิ การตัดสินใจเลยรวดเร็วมาก เราบินจากโฮจิมินห์มาลงที่ดานัง บรรยากาศความวุ่นๆลดลงไปเยอะมากๆ ที่นี่เหมือนเป็นเมืองท่า เรามุ่งหน้าลงหาดอย่างเดียว รู้สึกถนนที่นี่กว้าง โล่ง เรียบ สะพานข้ามแม่น้ำก็ไม่ชัน ดูเป็นเมืองที่ออกแบบไว้สำหรับพาหนะอย่างจักรยานมากๆ เพราะมีถึงสองเลนขวาที่สัญลักษณ์จักรยานที่พื้น ฝนก็ตกตลอดทาง แต่ความรู้สึกสนุกไม่มีลดลงเลย หลังจากเข้าที่พักวางของเสร็จเราเลาะริมทะเลยาวไป หนาวก็หนาวจับใจ ปั่นไปปากสั่น ลมก็พัด กางเกงก็ใส่ขาสั้น มีก็แต่เสื้อกันฝนที่เหมือนจะช่วยบังลมมากกว่าห่อหุ้มร่างกายไว้ ตามคำแนะนำของเจ้าถิ่นบอกว่าให้ปั่นขึ้นเขาไปข้างบนจะเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ และมองกลับมาเห็นวิวทะเลจากมุมสูง ช่วงที่ไปเหมือนไม่ใช่เทศกาล หลายรีสอร์ทริมทะเลก็เหมือนร้างไร้ผู้คน เราก็หนาวมากอยากแวะหาอะไรอุ่นๆ และพักสักหน่อยเพราะปั่นต้านลมมาตลอดทาง แบบนี้จะเป็นหวัดไหมเนี่ย คงหมดสนุนแน่ๆ แต่ทุกครั้งที่ปั่นจักรยานลุยฝนกลับไปรีบอาบน้ำก็ไม่เป็นอะไรนะ ครั้งนี้ก็น่าจะสบายดีแหละ เจอเรือกระด้งด้วย นี่ละอีกเหตุผลที่อยากมาเวียดนาม ได้แค่ถ่ายรูปอยู่บนทราย เพราะอากาศแบบนี้ชาวประมงไม่ออกกัน ทะเลไร้ผู้คนท่องเที่ยว ปั่นต่ออีกนิดเกือบถึงยอดเขาแล้ว แต่ทางเริ่มชัน ความเร็วลดลงอย่างเห็นได้ชัด แล้วก็มาเจอกับขั้นบันได ต้องใช่ที่นี่แน่ๆเลยที่มีหินแกะสลักเจ้าแม่กวนอิมที่สูงที่สุดในเวียดนาม วัดหลินอึ๋ง เป็นวัดที่ดูใหม่และใหญ่ทีเดียว ที่ใหญ่ใช้ได้เลย
ก็เมือง มากไม่ปั่นง่ายมากๆ ถึงแม้ว่าฝนจะตกตลอดทางก็ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับทริปนี้เลย เรายังคงจอดถ่ายรูป ดูวิว สะพานที่นี่กลางคืนเน้นแสงสีสุดๆ เป็นจุดชมวิวตอนกลางคืน
จากนั้นก็ค้างหนึ่งคืน กลัวจะเหนื่อยเกินไปและอยากเที่ยวก่อนด้วย เรามาถึงดานัง ฝนก็ตกกระหน่ำ ใส่เสื้อฝนปั่นตั้งแต่ออกสนามบิน คราวนี้เปิด gps นำทางไปด้วย ตามพิกัดที่จองห้องพักไว้คือเอาใกล้ๆ ริมทะเล สิ่งที่ตั้งใจสุดๆ คืออยากมาขึ้นเรือ เรือที่เหมือนชาม หลังจากวางของที่พักโรงแรมก็ออกไปปั่นจักรยานเที่ยวเล่น ฝนตกตลอดทางไม่หยุด หนาวมากๆ เพราะลมริมทะเลก็แรงมากๆ ที่สำคัญคือกางเกงปั่นขาสั้น เสื้อจักรยานแขนสั้น พร้อมเสื้อกันฝนที่แสนจะบาง ปากสั่น ตัวสั่น ก็ยังปั่น กะว่าจะขึ้นไปดูวิวบนยอดเขา ระหว่างทางเที่ยงพอดีก็เลยแวะซดหม้อไฟดับความหนาว แต่พอเริ่มปั่นก็หนาวอีก เราแวะพักระหว่างทางหลบฝนและเติมความอบอุ่นให้ร่างกายด้วยการแวะรีสอร์ทแถวนั้น สั่งโกโก้ร้อน มองไปเห็นเรือที่กำลังอยากลองจอดอยู่ พยายามมองหาใครนะเป็นเจ้าของจะได้ขอเอาออกทะเลสักครั้ง ฝนตกเราก็พยายามเดินหา เหมือนน่าจะมีใครอยู่แถวนั้นแต่เราก็ไม่เจอใคร เจ้าหน้าทีรีสอร์ทบอกให้มาฤดูร้อน จะมีให้เล่นเป็นแพ็กเก็จเลยค่ะ แต่เราคงรอไม่ไหว ครั้งนี้มาอยากลองให้ได้ จากนั้นพอจะมีแรง พวกเราขึ้นไปบนยอดแวะไหว้เจ้าแม่กวนอิม แล้วค่อยปล่อยทิ้งตัวไหลลงมาอย่างสนุกสนาน ขากลับเร็วมากตามสไตล์ จนมองไปไกลๆ ว่ามีเรือที่ตามหาลอยอยู่ในทะเล รีบปั่นตามไปให้ใกล้ที่สุด เริ่มจากขอถ่ายรูปก่อน ในที่สุดเราก็ได้ลงไปถ่ายรูป แต่ไม่ได้ออกล่องทะเล โบกมือลาด้วยความเสียดาย
เช้าวันรุ่งขึ้นวันนี้ตั้งใจปั่นไปฮอยอัน เส้นทางถนนที่นี่ก็โล่งมาก ระหว่างทางมีรถผ่านบางตา แต่ที่เห็นตลอดทางคือร้านที่ขายหินแกะสลัก เยอะมากที่สุดเห็นจะเป็นเจ้าแม่กวนอิมหินอ่อน ผ่านตาตลอดทาง เราปั่นเลาะริมทะเลมาตลอด ลมเย็นดี ฝนก็ตก จนมาจอดแวะพักที่ bike café แห่งหนึ่ง ที่แวะร้านนี้เพราะมีจักรเป็นพระเอกนั่นเอง จากนั้นเราก็มุ่งหน้าไปต่อไปตามที่พักที่จองไว้เมื่อคืน สงสัยว่าเราจะจองทำเลผิดซะแล้ว ระหว่างหาที่พักเราก็หลงกันสนุกสนาน มาไกลขนาดนี้อยากลองเส้นทางอื่นที่ไม่ใช่ถนนใหญ่ดูบ้าง ก็เลยได้ปั่นลุยน้ำท่วมขณะฝนตก ไม่มีคำบรรยายใดๆจากสมาชิกอีกสองคน ในที่สุดเราก็เจอที่พัก ป้ายเล็กมากๆ เราวางของเสร็จแล้วกะว่าจะเข้าไปเที่ยวใน ฮอยอัน เมืองที่เฝ้ารอมานาน อ่านหนังสือก็เล่าถึงเมืองนี้ทำเอาอยากมาดูของจริง ทางเข้าไปสิบกิโลเมตร สาหัสใช้ได้เลย ถนนมีหลุม มีหลายรสชาติ แต่เข้าไปก็คุ้มค่าการเดินทางมามากๆ โซนด้านในสามารถให้แค่คนและจักรผ่านเท่านั้นรถยนต์หมดสิทธิ์ นี่ละมั๊งเสน่ห์เมืองเก่าที่ใครๆอยากมาสัมผัส จักรยานพักที่ปั่นเข้าไปโดดเด่นกว่าใครจึงมีเด็กๆมาห้อมล้อมเต็มเลย เราก็รักเด็กอยู่แล้วนะชวนซ้อนทายจักรยานถ่ายรูปและปั่นวนเล่นแถวนั้น น้องสองคนนี้ทำเอาฮอยอันน่ารักขึ้นว่าเดิม ระหว่าที่ซ้อนก็คอยบอกทางเลี้ยวขวาเลี้ยวซ้าย วนเล่นกันพักใหญ่ พอกลับมาถึงที่เดิม เด็กๆ ก็โดนตามให้ไปขายของ ที่แท้พวกเขาเป็นพ่อค้าตัวน้อยที่คอยขายกระทงให้คนที่มาเที่ยว มีแค่กระทงกระดาษ และเทียนหนึ่งเล่มแค่นั้นเอง อยากช่วยอุดหนุนน้องเขานะ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะลอยไปทำไม ก็ขายได้นะเพราะมีนักท่องเที่ยวหลายคนตั้งใจมาลอยกระทง มันดึกเกินไปแล้วเราต้องปั่นกลับที่พักอีกด้วย พรุ่งนี้รู้ละว่าอยู่ที่นี่เรามาค้างข้างในฮอยอันดีกว่า ระหว่างทางจะกลับเราก็เลยแวะทานไอติมกัน บนถนนเวลานั้นคล้ายถนนข้าวสาร ไฟและเพลง + ท่าเต้น ใครชอบแอลกอฮอล์คงสนุกไม่เบา
เข้าวันต่อมาเรามุ่งหน้าเขามาที่พักในฮอยอันอย่างรวดเร็วเพราะเคยมากแล้ว เส้นทางก็ผ่านตลาด เห็นอีกวิถีชีวตที่เป็นแบบชาวบ้านจริงๆ หมวกเวียดนามที่ไม่ว่าจะอาชีพก็ให้ความภูมิใจในการใส่ พอใส่แล้วแสดงออกชัดเลยว่าเวียดนามมิส ที่พักก็น่ารักใจดีให้เราเอาจักรยานเข้าไปจอดให้ห้องนอนได้ เราแค่วางของแล้วก็ออกปั่นชมเมืองทันที บรรยากาศคล้ายๆอยู่ในห้างสรรพสินค้า มีขายตั้งแต่สูท ไปจนของเล่น บัตรที่ซื้อเข้ามาฮอยอัน สามารถเลือกชมบ้านที่อยากชมได้ แต่เราไม่ได้อยากขนานนั้นเลยเอาแต่ชมเมือง สนุกสนานมาก เพราะเจอคนปั่นจักรยานเหมือนกัน เราลองแวะกินคล้ายๆน้ำแข็งใส แต่เป็นวุ้นใสๆ คนขายพอพูดภาษาไทย เราปั่นเล่นถ่ายรูปไปเรื่อยเพลิดเพลินกันมาก แวะจิบกาแฟแล้วปั่นต่อ ชีวิตยามเช้าที่นี่ดีจังเลย เหมือนว่าเปิดบ้านทุกหลังขายของได้เลยเพราะนักท่องเที่ยวเยอะแบบนี้ตลอดปี ร้านอาหารที่เราแวะล่าสุดก็มาจากคำบอกของเพื่อนที่เพิ่งกลับไปเมื่ออาทิตย์ก่อนส่งพิกัดมาให้ เจ้าของเป็นคนเวียดนามที่ไปทำงานในโรงแรมต่างประเทศแล้วมาเปิดร้านเอง มีสอนทำอาหารด้วยนะ เป็นครอสหนึ่งวันเต็มเรียนทำอาหาร พอเราคุยกับเจ้าของร้านว่าเพื่อนแนะมาเขาก็ดีใจและเหมือนได้ใจเขาด้วย เขาเลยพาเราไปเที่ยวบ้านเพื่อน ซึ่งเป็นบ้านเดิมๆ ที่ยังไม่ได้ซ่อมแซม พี่เจ้าของร้านเล่าว่าที่เราเห็นๆว่าสวยๆแต่ละหลังนั้นหลายสิบปีมากและใครมีงบซ่อมก็ซ่อมไป ใครไม่มีก็อยากที่เห็น เป็นบ้านชั้นเดียวลึกมากเลย ทุกบ้านจะตั้งโต๊ะบรรพบุรุษ อารมณ์เหมือนเข้าศาลเจ้า พี่เจ้าของร้านอาหารดูเหมือนจะรักพวกเรามากพาไปบ้านอีกหลังที่เป็นครูรับมรดกต่อมา บ้านนี้มีการดูแลอย่างดี แต่ที่เราสนใจกว่าบ้านที่ไปชมก็รสชาติของอาหารที่อยู่ในจาน ทำเอาอยากมีเวลาต่ออีกสักเดือนฝึกฝนความอร่อยแล้วพกกลับมาที่กรุงเทพ สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คืออยากรู้จักโรงเรียนอยากเข้าไปเที่ยวในโรงเรียน ไปดูเบื้องหลังการผลิตบุคคลากรของชาติ ไม่น่าเชื่อว่าโลกจะกลมมากๆ เด็กๆกลุ่มเมื่อคืนตะโกนทักมา พวกเขาจำเราได้แม่นเลย ระหว่างนั้นเด็กๆก็เกาะรถขายของเล่นหน้าโรงเรียนไปด้วย พอได้ของเท่านั้นแหละ รีบมาซ้อนท้ายจักรยาน ขอไปด้วยเลย คราวนี้เหมือนมีแม่อยู่ด้วย เราก็เลยบอกแม่ว่าเดี๋ยวพามาส่งนะ เราปั่นเล่นกับกวนเด็กๆสนุกเลย บอกให้น้องๆนำทางไปสถานที่น่าสนใจของฮอยอัน เที่ยวกันจนอิ่มแล้วพากลับมาส่งแม่ เด็กๆดูมีความสุขมากเราก็มีความสุขสนุกไม่ต่างกัน พอฟ้าเริ่มมืดเราก็เจอเด็กๆกลุ่มเดิมนั่งเรียบร้อยชวนเราซื้อกระทงอยู่ที่ริมน้ำข้างสะพาน คราวนี้แต่งตัวหล่อดูผ่านคิดว่าฝาแฝดนั่งขายของ คู่นี้ดูจะมีชุดหล่อไว้เรียกแขกหลายชุด เราปั่นเที่ยวชมบรรยากาศค่ำคืนอีกรอบ คึกคักไม่ต่างจากเมื่อวานเลย ดีจัง เหนื่อยมาทั้งวันแล้วเข้านอนดีกว่า
เช้าวันรุ่งขึ้นเราซื้อตั๋วรถทัวร์นอนยาวไปเว้ รถทัวร์ที่นี่นั่งสบายไม่พอ นอนได้สบายเลย มีทีวีให้ชมด้วย มีไวไฟตลอดทาง ถ้าไม่ได้ปั่นก็หลับทุกทีตื่นมาอีกทีพลาดไปแล้วเรา พี่ๆบอกว่าเมื่อกี้รถผ่านอุโมงค์ที่ยาวที่สุดด้วยนะ เสียใจมากคาดว่าขากลับต้องเบ่งตาโตรอดูอุโมงค์ให้ได้ เรามาถึงเว้บ่ายๆ ปั่นหาทางไปที่พักวางของแล้วปั่นไปหาของกิน อาหารที่นี่เราอร่อยมาก สำหรับคนชอบผักอย่างเราขอไปหลายจานจนคนเวียดนามว่ากินผักเก่งๆแล้วยังตกใจ ก็อาหารมันอร่อยมากๆ แล้วก็ไปปั่นเล่น ที่นี่เราได้เจอแก๊งส์ฟิกซ์เกียร์ เหมือนเราใช้ภาษาจักรยานคุยกัน โบกมือทักทายคนละฝั่งสะพาน ชวนให้อีกฝ่ายข้ามมาหา ใครจะไปกล้าข้ามกลางสะพานข้ามแม่น้ำถนนตั้งหลายเลน แต่เด็กๆ เจ้าถิ่นเว้หลายสิบคนข้ามมาหาเรา ทั้งหมดพยายามสื่อสาร ดูจะไม่มีใครถนัดภาษาอังกฤษเลย เราก็เลยใช้ภาษามือบวกภาษาจักรยานสื่อสารกัน ดูท่าเด็กๆจะเพิ่งเคยเห็นจักรยานพักที่เราปั่นอยู่ก็เลยลุกออกจากจักรยานแล้วส่งให้ลองปั่น เข้าคิวลองกันสนุกนสนาน เราบอกว่าแลกกันปั่นได้นะ แต่เราก็ลองปั่นฟิกซ์ของเรานะ ไม่ถนัดเลยเบรคไม่เป็น เราบอกให้เด็กๆพาเที่ยวเมืองเว้หน่อย เขาบอกว่าจะพาไปสะพานเปลี่ยนสีได้ ที่จริงเราเพิ่งข้ามมาเมื่อกี้เอง แต่เราก็ไปโดนทำตัวเหมือนไม่รู้จักสะพานนี้มาก่อน ไม่งั้นน้องๆ จะเสียกำลังใจ เราแวะถ่ายรูปเล่นกันริมน้ำ สนุกสนานด้วยภาษามือ พวกเด็กๆของ add facebook พวกเรากันใหญ่เพราะอยากได้รูปที่ถ่าย พวกเด็กๆปั่นมาส่งเราถึงที่พักและจากลา ทุกวันนี้เรายังติดต่อพวกเขากด like กันไปมาข้ามพรมแดนกันอยู่เลย
เช้าอีกวันเราเข้าเที่ยวปราสาท คราวนี้ก็เป็นสาวซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์เจ้าถิ่น เพราะไม่รู้ว่าจะเอาจักรยานไปจอดที่ไหนดี ข้างในก็มีห้องต่างๆ มีรูปภาพ ฝนก็ตก หนาวใช้ได้เลย น้ำเฉอะแฉะ ก็สนุกแบบลุยๆ นะ แต่ชอบปั่นเล่นในเมืองมากกว่า ดูจบก็เรียกมอเตอร์ไซด์มารับ กลับเข้าที่พักเอาจักรยานออกมาซิ่งไปร้านอาหารเวียดนามร้านเดิมอีกครั้งอร่อยจนต้องมีรอบสอง
เรื่องราวเวียดนามที่ใครว่าน่ากลัวมาเองอันตรายไม่มีเจ้าถิ่น สำหรับเราแล้วมิตรภาพน่ารักเห็นอยู่ตลอดทางตั้งแต่ลงเครื่องบินนะคะ