กว่าจะออกจากบ้านได้ก็เที่ยง ใช้บ้านได้คุ้มจริงๆ ขนเครื่องดนตรี พร้อมนักร้อง แม่ครัว พร้อมเครื่องปรุงวัตถุดิบครบ ทำอาหารกินกันเองตั้งแต่ต้มมาม่า ข้าวต้ม ข้าวผัด ซีฟู๊ด มีสมาชิกรวม 17 สาว สนุกสนาน เพิ่งเคยมาอยู่กับผู้หญิงล้วน ที่ต้องดูแลกันเองแบบนี้ครั้งแรก ปกติทริปปั่นก็จะมีผู้ชายมาด้วย
เป้าหมายของการเจอเพื่อนใหม่กลุ่มนี้ก็แค่สนิทกันมากขึ้น น่าดีใจมากๆพวกเขาอยากมาปั่นทริปรอบเกาะรัตนโกสินทร์ กำหนดวัน นัดกันเจอที่cafe’ velodome 4/6/17 เย่ เลยเรา แค่ให้คนที่ขับรถได้มาลองปั่น เพื่อจะได้เข้าใจเวลากลับไปนั่งข้างหลังพวงมาลัยก็ดีมากละ
หลังจากไปกินลมชมวิวทะเลก่อนแยกย้ายกลับบ้าน ส่วนเรานั้นยังอยู่ต่อ มีน้องในกลุ่มใจดีอาสาไปส่งให้ใกล้ถนนสายหลัก ด้วยความที่ถนัดปั่นกว่านั่งรถบอกทางน้องเลี้ยว เลยทุกแยกทำเอากว่าจะแยกจากก็เลยระยะทางจากจุดที่คิดไว้มาไกลมาก รู้สึกเกรงใจน้องมาก จะขอลงปั่นต่อเองดีกว่า จากพัทยาใต้เลยมาจะถึงมินิสยามแล้ว
เริ่มปั่นบนถนนหมายเลข 3 กะเอาเร็วทำเวลา เห็นมีไหล่ทางด้วย ทำทางด้วย รถไม่น่าจะซิ่งทำเวลาได้ ใช่แล้วปั่นได้แต่ทำไมเหมือนบังคับแฮนด์จักรยานไม่ได้ มันไม่ไปตามทิศทางที่ต้องการ ฝืนสุดๆ จอดดูยางหลังก็แข็งดีอยู่ หรือกระเป๋าเกี่ยวล้อก็ไม่ใช่ ลองปั่นอีกทีขึ้นเนินจักรยานแทบไม่ไปไหน จองลงมาดูอีกทีนั่นไงเจอแล้ว ล้อหน้าแบนแต๋เลย เพิ่งมาถึง Big C เลยมาหน่อยเอง ระยะทางเหลืออีกตั้งไกล ไปต่อไม่ได้ก็ต้องจอด ว่าจะเอาที่สูบลมมาก็คิดว่าไม่น่ารั่ว อุปกรณ์ปะยางรอบนี้ก็ไม่ได้เตรียมมา ยางในก็ไม่มีต้องถามหาร้านปะยางอย่างเดียว
ที่ตรงนี้เห็นแค่ช่างทำหลังคากันสาด ถามคนนี้แหละ เพราะขี่มอเตอร์ไซด์น่าจะรู้ ถามถูกคนด้วยสิ เพราะคำตอบคือไม่รู้ แต่บอกให้เรานั่งหลบแดดรอก่อน แล้วก็ทำท่าเหมือนรีบลืมของอะไรสักอย่างบิดมอเตอร์ไซด์หายไปมองในร้านไม่มีใครเลยนะ เราก็ขนจักรยานยกขึ้นบันไดเข้าไปจอดร้าน ทิ้งกันแบบนี้เลยหรอ รีบกดเบอร์โทรหาเครื่อข่ายของบริษัทที่ขายจักรยานโพสในกลุ่มเพื่อนพัทยาถามหาร้านจักรยาน ไม่มีใครตอบกลับมา สงสัยยุ่งกับงานเพราะเป็นเวลาบ่ายสามกว่าๆ รอสักพัก เห็นมอเตอร์ไซด์บิดกลับมาเหมือนว่าไปเอาของกลับมาแล้ว
ท่าทางดีใจมาก บอกผมเจอแล้ว จักรยานหนักไหมให้ขนขึ้นมอเตอร์ไซด์เราเลยบอกว่าล้อนั้นถอดได้ รีบปลดแกนปลดลงหมุนคลายเกลียว ชายหนุ่มก็รีบมาช่วยยกจักรยาน เราก็ถอดล้อแล้วเดินถือล้อไปที่มอเตอร์ไซด์ซ้อนท้ายพาไปร้านปะยาง สรุปว่ารั่วเพราะโดนหนาม ระหว่างรอปะยางก็ได้คุยกัน ว่าเราจะไปไหน แล้วก็ได้คำแนะนำว่าควรปั่นทางไหน เลยถามกลับว่าโดดงานพาเรามาปะยางแล้วงานที่ต้องทำละ ชายหนุ่มบอกว่างานใกล้เสร็จแล้ว กลับไปเก็บงานนิดหน่อยเอง แล้วร้านที่มาทำก็ไม่ใช่ร้านเราด้วยทำไมให้เข้าไปนั่ง คำตอบคือรู้จักกัน ระหว่างนี้เพื่อนๆเริ่มติดต่อกลับมา ได้แต่บอกว่าขอบคุณมาก มาร้านปะยางแล้ว
กลับไปถึงที่ ขอบคุณคุณเคที่ช่วยเหลืออย่างดี และยังมาช่วยยกจักรยานใส่ล้อกลับเข้าที่ จากนั้นปีนบันไดขึ้นไปทำหลังคาต่อ และอวยพรให้เราปั่นด้วยความปลอดภัย
เปลี่ยนจากสายหลักเข้าสายใน บรรยากาศเปลี่ยนไป ปั่นสนุกขึ้น วิวก็ธรรมชาติ นี่หรือพัทยาที่เคยรู้จัก ลองไปทางแปลกใหม่ ขึ้นลงเนินชมวิวชมบรรยากาศ เลยบ้างย้อนกลับมา ผ่านแต่สวน ร่มรื่นดีจัง พระอาทิตย์ใกล้ตกดินแล้ว 10 กว่า กม. สุดท้ายไม่น่าจะไกลแล้ว เจอบึงบัว ว้าว! แบบนี้ละ ที่อยากมาสัมผัส จากนั้นเลาะเรียบทางรถไฟไปก็น่าจะถึง เจ้าถิ่นโฮ่งๆ เสียงเหมือนหลบในพงหญ้า คิดในใจไม่เป็นไรหรอก คงอยู่ในบ้าน โฮ่งๆประสานเสียงปรากฏตัวออกมาอีกหลายตัว กำลังจะเลี้ยวก็ โฮ่งๆ อีก เรียกเพื่อนออกมาอีก คงเตือนเราว่าเย็นแล้วไม่ควรเข้าไปแบบนั้น เชื่อฟังก็ได้เพราะปั่นเวลาอื่นก็ไม่เจอโฮ่งสักตัว
ออกไปถนนสายหลักอีกครั้ง เวลานี้ต้องเปิดไฟหน้าหลัง อีก 2 แยกแค่นั้นปั่นบนไหล่ทางยามพลบค่ำ มอเตอร์ไซด์ก็หลบรถใหญ่มาใช้ไหล่ทางเช่นกัน เวลารถแล่นฉิวประชิดใกล้จักรยานไปนิดนะคะ เสียวจะเกี่ยวกันล้ม ถ้ารีบกันนักก็ไปก่อนเลยค่ะ ถึงจุดนัดเจอเพื่อนใหม่ดูเวลาและระยะทาง 30กม. 4 ชม. โอ้โห ใช้เวลาเยอะจัง เพื่อนๆ ที่ขับรถกลับ กทม. คงถึงบ้านนานมากละ
เพื่อนใหม่ก็น่ารักมาก สั่งทุเรียนรอต้อนรับ เพราะรู้ว่าเราอยากกิน จองที่พักให้พร้อม ปั่นไปถึงฝนก็เทลงมา ตกกันทั้งคืนและอีกหนึ่งวันถัดมา ได้ใช้ชุดกันฝนคุ้มค่าเดินเล่นสวนนงนุชแบบมี เจ้าถิ่นนำพา ไปเล่นกับแมวขนฟู ขี่ช้างซู่ซ่า
ประทับใจพัทยาสุดๆก็ผู้คนที่น่ารักนี่ละ น้องฟิวขับมาส่งให้สะดวกขึ้น คุณเคที่ช่วยพาไปปะยาง และสาวที่เตรียมพร้อมต้อนรับเพื่อนใหม่คนนี้ ส่วนเส้นทางที่ผ่านก็ชวนให้กลับไปเก็บอีกหลายแยกที่ยังไม่ได้เข้าไปสัมผัส